เหตุใด ราคาปากกาจึงแตกต่างกันมากถึงขนาดนี้
คำถามหนึ่งที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ สำหรับผู้ที่ใช้งานอุปกรณ์เครื่องเขียนชิ้นสำคัญที่ใครหลายคนก็มักจะมีติดตัวไว้ นั่นก็คือปากกา คือคำถามในเรื่องของราคา ทั้งเรื่องของระดับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทำให้ราคาแตกต่างกัน ทั้งนี้ยังรวมถึงปากกาในรุ่น ที่มีความใกล้เคียงกัน ก็ยังคงมีราคาแตกต่างกันไปด้วย อย่างเช่น ปากกาพลาสติก และ ปากกาโลหะ ในบางรุ่น ราคาไม่ได้แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่กลับแตกต่างมากจนเราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เหตุใดราคาของปากกาจึงมีความแตกต่างกันได้มากถึงขนาดนี้ มีอะไรเป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้มันมีความแตกต่างกัน วันนี้เรามาชวนคุยกัน
เรื่องของต้นทุนการผลิต
จริงอยู่ที่ว่ามีอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุ ที่ปากกา จะมีราคาแตกต่างกันออกไป แต่สาเหตุที่น่าจะมีความสำคัญมากที่สุด คือเรื่องของต้นทุนการผลิตที่ไม่เท่ากัน อันนี้เราคุยกันเรื่องของปากการุ่นเดียวกัน แต่อยู่ในร้านค้าคนละร้านค้า ร้านค้าที่มีหน้าร้าน อาจจะเป็นร้านค้าที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ หรือร้านที่ตั้งอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ยิ่งร้านค้าที่เป็นทำเลธุรกิจ ก็อาจจะยิ่งมีต้นทุนร้านค้าที่สูงมากกว่า ในทางกลับกัน ร้านค้าที่เปิดทางอินเทอร์เน็ตบางร้าน อาจจะไม่ได้มีต้นทุนมากมายนัก ดังนั้นจึงอาจจะมีราคาถูกกว่า
แต่การที่ร้านค้าซึ่งมีหน้าร้าน แม้จะทำให้ราคา หรือต้นทุนนั้นสูงขึ้นไปบ้าง แต่อย่างน้อยผู้ซื้อสินค้าก็ได้ประโยชน์บางประการเช่นเดียวกัน คืออย่างน้อยก็อาจสามารถที่จะมั่นใจได้ว่า ผู้ขายมีตัวตนอยู่จริง อีกอย่าง อุปกรณ์สำคัญอย่างเครื่องเขียนนั้น อาจจะจำเป็นที่จะต้องทดลองใช้งาน การที่มีหน้าร้านอยู่สามารถทำให้เราหยิบจับปากกามาลองเขียนก่อนที่เราจะจ่ายเงินได้ อีกทั้งยังสามารถขอคำปรึกษาได้โดยตรงจากผู้ขาย ถ้าหากซื้อไปแล้วเกิดปัญหา อย่างน้อยก็อาจมีผู้ขาย คอยให้ความช่วยเหลือได้
สำหรับร้านค้าที่ขายทางอินเทอร์เน็ต มีทั้งแบบที่เปิดเป็นร้านค้าเอง และเป็นตัวแทนจำหน่ายปากกา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยี่ห้อดังดัง อันนี้ผู้ซื้อก็จำเป็นต้องพิจารณาเลือกด้วยตนเอง ในปัจจุบันการสังเกตร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือได้ไม่ได้ยากเหมือนเมื่อก่อน ผู้ซื้อก็สามารถพิจารณาได้ตามความเหมาะสมเลย
ปากกาหมึกซึม อาจจะมีราคาแพงกว่า
หากเราลองสังเกตดู ปากกาหมึกซึมส่วนมากจะมีราคาแพงมากกว่า เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่ได้ขายได้บ่อยๆ หรือขายได้เป็นจำนวนมากเหมือนกับแบบลูกลื่นนั่นเอง ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติว่าสั่งแบบหมึกซึม มาขายที่ร้านซึ่งมีต้นทุนอยู่ที่ 100 บาท การจะขายเอากำไร 20 เปอร์เซ็นต์ เราก็อาจจะต้องตั้งราคาอยู่ที่ 120 บาท หากสามารถขายได้วันละประมาณ 50-60 ด้าม อาจจะได้กำไรวันละพันกว่าบาท แต่ในความเป็นจริงแล้ว แบบหมึกซึมเป็นแบบที่ขายได้ยาก อาจจะขายได้แค่สัปดาห์ละประมาณ 4-5 ด้าม ต่อให้คิดกำไร 100 เปอร์เซ็นต์ ขายในราคาด้ามละ 200 บาท เดือนนึงก็ยังได้กำไรเพียงแค่ประมาณ 2 พันกว่าบาทเอง
ต้นทุนที่รับมาไม่เท่ากันแต่แรก
นี่ก็เป็นอีกเหตุผล ที่ราคามันต่างกันมาก อย่างบางรุ่น อาจจะมีต้นทุนที่ได้มาในราคาที่ถูกมาก พอเห็นว่าได้รับความนิยมมากขึ้น ทางบริษัทก็อาจจะขึ้นราคา และขายในราคาที่แพงมากยิ่งขึ้น และในบางรุ่นเอง ที่มีวัสดุในการทำที่ดีมากกว่า และอาจเป็นที่นิยมใช้งานมากกว่า หรืออาจมีความเฉพาะเจาะจงมากกว่า แน่นอนว่าต้นทุนก็อาจจะสูงขึ้นตามไปด้วย เรื่องของวัสดุที่ใช้ในการทำก็สำคัญ ยิ่งวัสดุดีและมีคุณภาพมากเท่าไหร่ ต้นทุนก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจเลย ว่าราคาของอุปกรณ์เครื่องเขียนชิ้นนี้ ถึงมีความแตกต่างกันเอามากๆ