5 ปัจจัย ที่ทำให้ลายเส้นของปากกาแต่ละแบรนด์แตกต่างกัน
ปากกามีหลากหลายแบบมากมายไม่ว่าจะเป็นปากกาเจล ปากกาหมึกซึม ปากกาเน้นข้อความ ปากกาลูกลื่น เป็นต้น ในการใช้งานปากกาขีดเขียน จดบันทึกข้อความต่างๆ แน่นอนว่าคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าลายเส้นที่ออกมานั้นจะแตกต่างกันไปตามชนิดของหัวปากกา ขนาด และประเภทของน้ำหมึก เช่น น้ำหมึกประเภทเหลว หรือหมึกซึมจะให้ลายเส้นที่มีสีสันสวยสด คมชัดกว่าน้ำหมึกแบบแห้ง หรือน้ำหมึกจากหัวลูกลื่น ลายเส้นจากหัวขนาดใหญ่ เช่น 0.7 mm., 1.0 mm. จะดูเด่นชัด และมีโทนสีที่ค่อนข้างเข้ม ลายเส้นจากหัวขนาดเล็ก เช่น 0.5 mm, 0.38 mm. จะคมชัด และเขียนข้อความขนาดเล็กได้สวยงาม เป็นต้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าโดยทั่วไปชนิดของหัวปากกา ขนาด และประเภทของน้ำหมึกจะเป็นตัวกำหนดเอกลักษณ์ของลายเส้นที่ออกมาดังกล่าวนี้ แต่เราก็จะสังเกตเห็นกันได้เช่นกันว่าปากกาจากแต่ละแบรนด์ที่แม้จะใช้หัวแบบเดียวกัน ขนาดเท่ากัน น้ำหมึกประเภทเดียวกัน ก็ให้ลายเส้นที่แตกต่างกันออกไป ในบทความนี้จึงได้สรุปเอา 5 ปัจจัยที่ทำให้ลายเส้นของปากกาแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน มาไขข้อข้องใจให้หลายคนได้ทราบกัน
สูตรผสมน้ำหมึกเฉพาะของแต่ละแบรนด์ ปัจจัยแรกที่ทำให้ลายเส้นของปากกาแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน มีสีน้ำหมึกที่เข้ม อ่อนไม่เท่ากัน แม้ว่าจะใช้น้ำหมึกประเภทเดียวกันก็คือ สูตรการผสมน้ำหมึกเฉพาะของแต่ละแบรนด์นั่นเอง โดยแม้ว่าระดับความข้น เหลว หรือสรรพคุณของน้ำหมึกจะออกมาเหมือนกันตามมาตรฐานของน้ำหมึกชนิดต่างๆ แต่รายละเอียดของสูตรผสม เช่น สัดส่วนน้ำ และตัวหมึก สัดส่วนของเคมีจำเป็นชนิดต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่แต่ละแบรนด์พยายามคิดค้น หาจุดที่ลงตัวที่สุดด้วยตัวเอง และแน่นอนว่าเป็นความลับทางธุรกิจที่ไม่มีการเปิดเผยให้คู่แข่งทราบ
เอกลักษณ์ของรูปทรงหัวปากกาที่แตกต่างกัน ปัจจัยต่อมาที่มีส่วนกำหนดเอกลักษณ์ของลายเส้นปากกาของแต่ละแบรนด์อย่างมากเช่นกันก็คือ ดีไซน์รูปทรงส่วนหัวโลหะ ซึ่งเป็นสวนที่ใช้จรดลงกระดาษเพื่อขีดเขียนข้อความต่างๆ ออกมานั่นเอง ทั้งนี้แม้ว่าเมื่อมองดูโดยผิวเผินจะเห็นว่าหัวชนิดต่างๆ เช่น หัวปากกาลูกลื่น หัวปากกาหมึกซึม หัวปากกาคอแร้ง ของแต่ละแบรนด์ไม่มีความแตกต่างกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบที่รายละเอียดดีไซน์จริงๆ จะพบว่าหัวปากกาของแต่ละแบรนด์นั้นมีเอกลักษณ์ดีไซน์ที่แตกต่างกัน และแต่ละแบรนด์ก็มีความพยายามพัฒนาดีไซน์ให้ออกมาดีที่สุด ให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์ขีดเขียนที่แตกต่างไปจากแบรนด์คู่แข่งอยู่เสมอ จึงทำให้ลายเส้นที่ออกมามีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปด้วย
ดีไซน์ตัวด้ามที่ต่างกัน แม้ว่าในความเข้าใจของหลายคน ดีไซน์ตัวด้ามน่าจะเป็นส่วนที่ไม่มีผลต่อลายเส้นที่ขีดเขียนออกมาของปากกาแต่ละด้าม แต่ทว่าความจริงแล้ว ดีไซน์ตัวด้ามที่แตกต่างกันก็จะนำมาซึ่งท่วงท่าการจับใช้งานที่ต่างกัน และการลงน้ำหนักขณะขีดเขียนต่างกันไปด้วย ตัวอย่างเช่น ดีไซน์ตัวด้ามที่มีขนาดใหญ่ หรือรอบวงกว้าง มักจะทำให้ผู้ใช้พยายามจับปากกาให้กระชับมือขึ้น และมีแนวโน้มที่จะลงน้ำหนักขณะขีดเขียนมากตามไปด้วย ลายเส้นที่ได้จึงมักจะมีโทนสีเข้ม ดูโดดเด่นชัดเจน ขณะที่ดีไซน์ตัวด้ามขนาดเล็ก ผู้ใช้มักจับใช้งานอย่างสบายมือมากกว่า และลงน้ำหนักขณะขีดเขียนเบาตามไปด้วย ทำให้ลายเส้นออกมาคมชัด และนุ่มนวล
ดีไซน์หลอดไส้ปากกา ปัจจัยต่อมาที่ส่งผลต่อเอกลักษณ์ลายเส้นของแต่ละแบรนด์ไม่น้อยเช่นกันก็คือ ดีไซน์ส่วนของหลอดไส้ปากกานั่นเอง ซึ่งหากสังเกตก็จะพบว่าหลอดไส้สำหรับบรรจุน้ำหมึกของแต่ละแบรนด์นั้นแตกต่างกัน เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน และแน่นอนว่าหลอดไส้ขนาดใหญ่ย่อมมีแนวโน้มที่จะทำให้น้ำหมึกไหลลงไปรวดเร็วกว่า ปริมาณมากกว่าหลอดไส้ขนาดเล็ก ลายเส้นที่ขีดเขียนออกไป จึงแตกต่างกันไปด้วย
น้ำหนักของปากกา ปัจจัยต่อมาที่ผู้ใช้หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่ามีผลต่อลายเส้นที่ขีดเขียนออกมาของปากกาแต่ละแบรนด์ แต่ในความเป็นจริงถือว่ามีส่วนไม่น้อยเลยก็คือ น้ำหนักของตัวด้ามนั่นเอง ซึ่งแต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่นถูกดีไซน์มาในคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น บางรุ่นถูกดีไซน์มาให้มีน้ำหนักเบามาก เพื่อให้ได้คอนเซ็ปต์สินค้าที่เขียนได้อย่างลื่นไหลเหมือนเสกข้อความได้ ซึ่งปากกาที่ตัวด้ามเบาอย่างนี้มักจะได้ลายเส้นที่เล็ก ดูนุ่มนวล เพราะแรงกดธรรมชาติจะน้อยตามไปด้วย ขณะที่ปากกาที่ตัวด้ามมีน้ำหนักเยอะ ก็จะมีแรงกดธรรมชาติเยอะตามไปด้วย ลายเส้นที่ได้ก็จะมีสีเข้ม เด่นชัด และขนาดใหญ่ตามไปด้วย แบรนด์ปากกาที่คุณภาพดีมีหลากหลายแบบเช่น ปากกาแบรนด์ปากกา Quantum เป็นต้น